เวอร์ชันของ NetWare ของ เน็ตแวร์

NetWare 286 2.x

NetWare เวอร์ชัน 2 เป็นเวอร์ชันที่รู้จักกันไปทั่วในเรื่องความยากในการตั้งค่า หลังจากที่ระบบปฏิบัติการเตรียมการรวมกันของการตั้งค่าของ object modules ที่ต้องการตั้งค่าและเชื่อม โยง การรวมกันนั้นไม่มีความสะดวกในการโปรเซสและออกแบบเพื่อการทำงานจาก diskettes หลายๆอันซึ่งจะช้าและไม่น่าเชื่อถือ

การเปลี่ยนแปลงใดๆของระบบปฏิบัติการต้องการเริ่มการเชื่อมโยงใหม่ของ kernel และการเริ่มต้นการทำงานใหม่จะต้องมีการแลกเปลี่ยน diskettes น้อยกว่า 20 อัน NetWare เป็นการบิหารจัดการที่ใช้ text-based มาทำประโยชน์ เช่น SYSCON เป็นต้น ระบบไฟล์ที่ใช้ NetWare 2 นั้นเป็น NetWare รุ่น 286 หรือ NWFS 286 ที่สนับสนุนในระดับที่ค่อนข้างสูงคือ 256 MB โดย NetWare 286 ยอมรับ protection mode 80286 เท่านั้น และจำกัดการสนับสนุนของ RAM ที่มีขนาด 16 MB หรือต่ำกว่า โดยหน่วยความจำที่มีขนาดเล็กเป็น 2 MB ถ้ามีความต้องการเริ่มการทำงานกับระบบปฏิบัติการจะต้องใช้ RAM อื่นๆร่วมด้วยเพื่อใช้สำหรับ FAT,DET และfile cachingหลังจากที่ protection mode 16 บิต เป็นวิธีการของ i80286 และทั้งหมดที่เป็นรุ่นหลังโปรเซสเซอร์ Intel x86 และ NetWare 286 เวอร์ชัน 2.x มีการทำงานบน 80286 หรือโปรเซสเซอร์รุ่นถัดมาที่เข้ากันได้ NetWare 2 มีวิธีการในการตั้งหมายเลขให้เรียบร้อยและลักษณะเฉพาะของหมายเลขได้แรงบันดาลใจจาก mainframe และระบบ minicomputer ไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้ในระบบปฏิบัติการอื่นๆของวันนี้ ลักษณะเฉพาะของ System Fault Tolerance (SFT) ประกอบด้วย มาตรฐาน read-after-write ตามข้อเท็จจริง (SFT- I ) กับ on-the-fly เป็นการบล็อกที่ไม่ดี (ในเวลาที่ดิสก์ไม่มีคุณลักษณะที่จะสร้างได้ ) และซอฟต์แวร์ RAID1 ( ดิสก์ที่มีผิวหน้าสะท้อนแสง SFT-II ) Transaction Tracking System (TTS) เป็นทางเลือกในการป้องกันหรือต้านไฟล์ที่ไม่สมบูรณ์ สำหรับ single file มีความต้องการคุณลักษณะของไฟล์เท่านั้นเพื่อการตั้งค่า การจัดการกับหลายๆไฟล์และการควบคุม roll-back มีความเป็นไปได้ด้วยการโปรแกรมโดย TTS API

NetWare 286 2.x สนับสนุนสองโหมดของระบบปฏิบัติการคือ dedicated และ non- dedicated โดยในโหมดของ dedicated เครื่อง server จะใช้ boot loader ในการดำเนินการระบบปฏิบัติการไฟล์ net$os.exe หน่วยความจำทั้งหมดมีการจัดสรรเพื่อ NetWare และไม่มี DOS ทำงานบน server สำหรับ non- dedicated จะเป็นระบบปฏิบัติการ DOS 3.3 หรือสูงกว่า การเริ่มต้นการทำงานจะใช้ฟลอปปี้ดิสก์ หรือ bootable DOS จาก hard drive โดยที่ DOS มีการจำกัดหน่วยความจำเพียง 640 MB เท่านั้นเนื่องด้วยไม่มีการอนุญาตการจัดการหน่วยความจำ การขยายตัวทั้งหมดของ RAM เป็นการจัดสรรเพื่อ NetWare 286 และโปรเซสเซอร์จะเป็นแบบ time-slice ระหว่าง DOS กับโปรแกรม NetWare เวลาเล็กๆมีความสบบูรณ์ในการใช้ keyboard ในการขัดจังหวะ ลักษณะเฉพาะนี้ต้องการความแน่นอนและยอมรับได้กับการออกแบบในรูปแบบ IBM PC เป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่มีผลกระทบ สำหรับเครือข่ายเล็กๆที่มีผู้ใช้ 2-5 คน โหมด non- dedicated ใน NetWare จึงมีความนิยมมาก อย่างไรก็ตามมันเป็นมากกว่าความรู้สึกไวต่อการเปิดที่เหมาะสมถึงปัญหาของโปรแกรม โดย NetWare 386 3.x และเวอร์ชันต่อไปเท่านั้นที่จะสนับสนุนการกระทำแบบ dedicated

NetWare 3.x

เริ่มต้นกับ NetWare 3.x สนับสนุน protection mode ขนาด 32 บิต เป็นการเพิ่มและจำกัดหน่วยความจำได้แค่ 16 Mb ของ NetWare 286 การปูทางบนเส้นทางสำหรับการสนับสนุน hard drive ที่มีขนาดใหญ่ หลังจากที่ NetWare 3.x ได้ทำสำเนาเป็นแบบ file allocation table (FAT) ทั้งหมดและ directory entry table (DET) ลงไปในหน่วยความจำสำหรับการปรับปรุงการดำเนินการ

NetWare เวอร์ชัน 3 มีความง่ายต่อการพัฒนาและการจัดการด้วย modularization แต่ละฟังก์ชันมีการควบคุมด้วยรูปแบบของซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Netware Loadable Module (NLM) โหลดแต่ละอันเริ่มต้นการทำงานหรือเมื่อมีความต้องการ มันมีความเป็นไปได้ถึงการเพิ่มฟังก์ชัน เช่น ซอฟต์แวร์ anti-virus ,ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล,ฐานข้อมูลและ webserver ความยาวของชื่อสนับสนุน (มาตรฐานของชื่อไฟล์จะจำกัดเป็น 8 อักขระรวมกับ 3 ตัวอักษร ) และเข้ากันกับ MS-DOS หรือรูปแบบไฟล์แบบ Macintosh

NetWare ทำงานจัดการด้วยการใช้คุณสมบัติ console-based ระบบไฟล์ได้มีการแนะนำด้วย NetWare 3.x และใช้งานด้วยค่าเริ่มต้นจนกระทั่ง NetWare 5.x เป็น NetWare File System 386 หรือ NWFS 386 ซึ่งสิ่งสำคัญในการขยายความจุ (1 TB, 4 GB ไฟล์) และสามารถใช้ได้ถึงลำดับ 16 ระดับ การประเมินเซกเมนต์เป็นแบบมัลติฟิสิคอลดิสก์ไดรฟ์ ระดันเซกเมนต์สามารถเพิ่มเข้าไปใน server และเป็นระดับที่ตั้งไว้ อนุญาตให้ server ขยายออกจากการขัดจังหวะ

ครั้งแรก NetWare ใช้ Bindery Services เพื่อทำให้น่าเชื่อถือเป็นระบบฐานข้อมูลแบบ stand - alone ที่ไหนๆใช้การเข้าถึงและระบบความปลอดภัยของข้อมูลขึ้นอยู่กับรายบุคคลแต่ละ server เมื่อสิ่งที่เป็นโครงสร้างบรรจุมากกว่าหนึ่ง server แล้ว ผู้ใช้มีการ log-in ถึงแต่ละส่วนของพวกเขาเป็นรายบุคคลไปและแต่ละ server มีการตั้งค่ากับรายการของการอนุญาตทั้งหมดของผู้ใช้

“Netware Name Services”เป็นผลิตภัณฑ์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ข้อมูลมีการขยายข้อมูลได้ซึ่งตรงข้ามกับแบบ multiple server และ Windows “Domain” มีความคิดเป็นฟังก์ชันที่เทียบเท่ากับ Netware v3.x โดย Bindery Services กับ Netware Name Services ได้เพิ่มอยู่บน (เช่นฐานข้อมูลขนาด 2 มิติกับ flat namespace และ static schema )

ชั่วขณะหนึ่ง Novell พร้อมด้วยการตลาดของ OEM เวอร์ชันของ Netware 3 ได้ถูกเรียกว่า Portable NetWare พร้อมกันกับ OEM เช่น Hewlett-Packard ,DEC และ Data ผู้ซึ่งถือโค้ด Novell เพื่อทำงานบนระดับสูงของพวกเขาเป็นระบบปฏิบัติการ UNIX และ Netware แบบเดียวกันเท่านั้นที่จะพบกับความสำเร็จที่มีขอบเขต

ในรุ่น 3.x Novell ได้แนะนำให้มันเป็นสิ่งแรกที่เหมาะที่จะใช้กับระบบ clustering โดยให้มีชื่อว่า Netware SFT-III ซึ่งอนุญาตให้ลอจิคอล server เพื่อให้ความสำเร็จของการแยกกลไกระดับฟิสิคอล วิธีการทำ shared-nothing ให้เป็นกลุ่ม ภายใต้ของ SFT-III ของ OS เป็นเหตุผลในการแบ่งการขัดจังหวะของ อินพุต/เอาต์พุต ของเครื่องและ event-driven OS core โดย อินพุต/เอาต์พุต ของเครื่องทำให้เป็นแบบอนุกรมในการขัดจังหวะ (ดิสก์ เครือข่าย เป็นต้น) ในการรวมกันของเหตูการณ์เป็นกระแสให้ความเหมือนที่น่าเบื่อในการทำสำเนาอยู่สองอย่างเป็นของระบบเครื่องที่เร็วเกินไป (100 Mbit/s) และการเชื่อมโยง inter-server เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับลักษณะของ OS อินพุต/เอาต์พุต ของแบบ non- dedicated เป็นการกระทำแบบเสี่ยงดวงซึ่งเหมือนกับ finite state machine ที่มีขนาดใหญ่

เอาต์พุตของเครื่อง 2 ระบบ เป็นการเปรียบเทียบถึงการรับรองการปฏิบัติการที่เหมาะสมและทั้งสองสำเนาได้ถูกป้อนกลับสู่อินพุต/เอาต์พุตของเครื่อง และการใช้การดำรงอยู่ของ SFT-II ซอฟต์แวร์ RAID ทำหน้าที่เสนอในแก่นแท้ ดิสก์สามารถสะท้อนระหว่าง 2 เครื่องที่ปราศจากฮาร์ดแวร์ที่มีความพิเศษทั้ง 2 เครื่องสามารถแยกออกได้ไกลพอๆกับ server-to-server ที่มีการอนุญาตให้ติดต่อกัน ในบล็อกของ server หรือดิสก์ที่ไม่สามารถทำงานได้ server ที่คงอยู่ควรจะเข้ามาแทนที่เครื่องลูก หลังจากการหยุดการทำงานที่สั้นมันมีสภาพการประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบและไม่สามารถทำงานได้ตัวอย่างเช่น มีการติดอยู่ในระดับโปรเซสซึ่ง NetWare จะขึ้นชื่อในด้านความล่าช้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น SFT-III เป็น NetWare เวอร์ชันแรกที่สามารถทำให้ใช้ SMPฮาร์ดแวร์ อินพุต/เอาต์พุตของเครื่องสามารถมีคุณสมบัติทำงานบน CPU ของตัวมันเอง

NetWare SFT-III มีความเป็นอยู่ข้างหน้าของเวลาในหลายๆด้านเป็นการรวมความสำเร็จ มันควรจะมีชื่อเสียงที่มีความนำสมัยของ NetWare’s clustering โดย Novell Cluster Services (ได้แนะนำใน NetWare v5.0) มันมีความแตกต่างอย่างว่าจาก SFT-IIINetWare 386 3.x เป็นการออกแบบทั้งหมดของแอปพลิเคชันบน server ที่มีระดับที่เหมือนกันของโปรเซสที่การป้องกันหน่วยความจำจะรู้จักกันใน” ring 0 ” ชั่วขณะที่จัดหาสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการดำเนินการมันเป็นการเสียสละที่น่าไว้วางใจ ผลลัพธ์ที่ได้มันล้มเหลวมันเป็นไปได้และผลลัพธ์ได้ยุติลงพร้อมกับระบบ เริ่มต้นกับ NetWare 5.x รูปแบบซอฟต์แวร์ (NetWare Loadable Modules หรือ NLM’s) สามารถกำหนดการทำงานในโปรเซสเซอร์ที่มีความแตกต่างในการปกป้องการติดต่อเพื่อรับรองว่าซอฟต์แวร์ error หรือไม่และระบบจะไม่ล้มเหลว

ในการเปรียบเทียบมันช้าพอๆกับ Windows NT v4.0 ส่วนใหญ่แล้ว “best-practices” แนะนำให้อยู่ในทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ในการเริ่มการทำงานใหม่ที่เหมาะสมกับความจำที่เป็นรอยแยก

NetWare 4.x

เวอร์ชัน 4 ในปี 1993 ได้ถูกแนะนำในชื่อ Novell Directory Services (NDS) อยู่บนฐานของ X.500 ซึ่งได้เข้ามาแทนที่ Bindery กับ Directory service ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นโครงสร้างเพื่อระบุและจัดการในทีเดียว การเพิ่ม NDS ให้ขยายตัวออกไปได้อนุญาตให้แนะนำชนิดของวัตถุใหม่และอนุญาตให้ผู้ใช้ที่น่าเชื่อถือแค่คนเดียวเพื่อดูแลการเข้าถึง server ที่พวกเขาอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้งานก็ยังคงจำกัดเพราะว่าเป็น server ส่วนบุคคล (โครงการใหญ่ๆสามารถเลือกอนุญาตให้เป็นรูปแบบพื้นฐานของพวกเขาและไม่จำกัดผู้ใช้ต่อ server ถ้าพวกเขาอนุญาตให้ Novell ทำบัญชีจำนวนผู้เข้าใช้ทั้งหมด )

เวอร์ชัน 4 ได้ถูกแนะนำว่าเป็นหมายเลขเครื่องมือในการใช้ประโยชน์และลักษณะเฉพาะเช่นการบีบอัดที่เข้าใจง่ายที่ระดุบระบบไฟล์และ RSA เป็นทั้ง public/private นอกจากนี้มีลักษณะเฉพาะแบบใหม่เป็น NetWare Asynchronous Services Interface (NASI) มันอนุญาตให้เครือข่ายแชร์อุปกรณ์หลายๆอย่าง เช่น โมเด็ม เป็นต้น และเครื่องลูกเปลี่ยนพอร์ตใหม่ให้เกิดขึ้นโดยทาง MS-DOS หรือ Microsoft Windows ที่อนุญาตให้บริษัททำให้โมเด็มมีความแข็งแรงและใช้สายโทรศัพท์แบบอนาล็อก

NetWare 5.x

กับการปล่อย NetWare 5 ในเดือนตุลาคมปี 1998 สุดท้าย Novell ก็ได้ยอมรับการโผล่ออกมาของอินเทอร์เน็ตโดยการสวิทชิ่งมันเป็นอินเตอร์เฟส NCP แบบปฐมภูมิจาก IPX/SPX เครือ ข่ายโพรโทคอล TCP/IP แต่ยังคงสนับสนุน IPX/SPX อยู่แล้วเปลี่ยนมาเป็นความสำคัญถึง TCP/IP เช่นเดียวกันแล้ว Novell ได้เป็น GUI ให้กับ NetWare โดยมีลักษณะเฉพาะใหม่แบบอื่นๆด้วย

  • Novell Storage Services (NSS) เป็นระบบไฟล์ใหม่ที่เข้ามาแทนที่ NetWare File System ซึ่งยังคงสนับสนุนอยู่
  • มี Java virtual machine สำหรับ NetWare
  • มี Novell Distributed Print Services
  • การบริหารเป็นแบบใหม่โดยใช้ Java – based GUI
  • Directory-enabled ใช้งานแบบ Public key infrastructure services (PKIS)
  • Directory-enabled เป็นทั้ง DNS และ DHCP server
  • สนับสนุนสำหรับ Storage Area Networks (SANs)
  • มี Novell Cluster Services
  • มี Oracle 8i กับการอนุญาตให้มีผู้ใช้ได้ 5 user

กลุ่มบริการส่วนใหญ่เป็นมากกว่า SFT-III ตามที่ NCS ไม่ต้องการความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์หรือการตั้งค่า server ที่เหมือนกัน NetWare 5 ได้ถูกปล่อยออกมาระหว่างที่การตลาดของ NetWare หยุดนิ่ง หลายบริษัทและองค์กรต่างๆมีการแทนที่ NetWare server ที่กำลังทำงานกับระบบปฏิบัติการ Microsoft’s Windows NT เช่นนั้นแล้ว Novell ได้ปล่อย NetWare ที่มีการอัพเกรดล่าสุดถึงระบบปฏิบัติการ NetWare 4 , NetWare 4.2

NetWare 5.1 ได้ถูกปล่อยออกมาในเดือนมกราคมปี 2000 เป็นเวลาสั้นๆจากผลิตภัณฑ์ตัวก่อนมันได้เข้าสู่ประโยชน์ของเครื่องมือ เช่น

  • มี IBM WebSphere Application Server
  • มี NetWare Management Portal (ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ Novell Remote Manager) เป็นการจัดการ web server ของระบบปฏิบัติการ
  • มี FTP,NNTP และ streaming media server
  • มี NetWare Web Search Server
  • มีการสนับสนุน WebDAV

NetWare 6.0

NetWare 6 ได้ถูกปล่อยออกมาในเดือนตุลาคมปี 2001 เป็นเวอร์ชันที่มีการอนุญาตทำแผนผังพื้นฐานของผู้ใช้ให้ง่ายขึ้นโดยไม่ใช้ server และได้ลดต้นทุนของกรรมสิทธิ์ลงและอนุญาตให้การติดต่อแบบไม่จำกัดต่อผู้ใช้ การเลี่ยนแปลงอื่นๆคือมีลักษณะเฉพาะและการแก้ไขรวมไว้ในที่นี้

  • เพิ่ม SMP เพื่อสนับสนุนโปรเซสเซอร์ขนาด 32 บิต ต่อ server
  • มี iFolder – location และรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเองการเข้าถึงไฟล์แบบ local โดยอัตโนมัติอย่างชาญฉลาดของ local iFolder Directory กับ Directory server
  • มี NetStorage การเข้าถึงไฟล์ส่วนบุคคลผ่าน web server
  • iPrint ความสามารถในการติดตั้งปริ๊นเตอร์จาก web server รองรับการพิมพ์งานมากกว่าการพิมพ์ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยโพรโทคอล IPP
  • iManager การบริหาร web-based สำหรับ NetWare และผลิตภัณฑ์ Novell อื่นๆ
  • มี Apache web server และ Jakarta Tomcat รวมอยู่ด้วย
  • แต่แรกแล้วโพรโทคอลเข้าถึงไฟล์สนับสนุนสำหรับ SMB, AFP และโพรโทคอล NFS จนถึง Windows, Macintosh และ Unix/Linux กับการเข้าถึงไฟล์บน NetWare server โดยปราศจากเครื่องลูก

NetWare 6.5

NetWare 6.5 ได้ถูกปล่อยออกมาในเดือนสิงหาคมปี 2003 บางอย่างของลักษณะเฉพาะในเวอร์ชันนี้คือ

  • เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ open -source เช่น PHP, MySQL และ OpenSSH
  • พอร์ตของ Bash shell และได้สืบทอดมาจากประโยชน์ของ Unix เช่น wget, grep, awk และ sed เพื่อเพิ่มความสามารถสำหรับการเขียนต้นร่าง
  • สนับสนุน iSCSI (ทั้งคู่มีจุดมุ่งหมายและการริเริ่มเดียวกัน)
  • แก่นแท้ขององค์กรคือ “out of the box” ทางเข้าเว็บสำหรับการเตรียมการเข้าถึงอีเมลของผู้ใช้ ที่เก็บไฟล์ส่วนบุคคล สมุดที่อยู่ของบริษัท
  • มีหน้าที่เกี่ยวกับ Domain controller
  • มี Password เป็นสากล
  • มี DirXML Starter Pack เข้ารหัสของผู้ใช้งานกับอย่างอื่นคือ eDirectory tree,Windows NT Domain หรือ Active Directory
  • มี extend Application Server – a J2EE 1.3 ซึ่งเข้ากันได้กับ Application server
  • สนับสนุนสำหรับ customized printer driver profile และ วิธีการใช้ปริ๊นเตอร์
  • สนับสนุน NX bit
  • สนับสนุนสำหรับอุปกรณ์ต่อพวงแบบ USB
  • สนับสนุนสำหรับระดับการเข้ารหัส
  • สนับสนุน FAB FAB FAB
บทความเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่าง ๆ หรือเครือข่ายนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:เทคโนโลยีสารสนเทศ